คำศัพท์ Object- Oriented Programming
1.Abstraction
การกำหนดกรอบให้แก่วัตถุ เพื่อกำหนดลักษณะจำเพาะที่สำคัญ ที่แตกต่างจากวัตถุชนิดอื่นๆ หรือเป็น กระบวนการให้ concept กับ object ต่างๆใน real world เพื่อสร้าง Class
2.Encapsulation
หมายถึงการที่นำกลุ่มของข้อมูลและกลุ่มของชุดคำสั่งมาจับกลุ่มเป็น object หนึ่งๆ และเพื่อเป็นการกั้นไม่ให้ object อื่นๆ สามารถเข้าถึง object นั้นๆโดยตรง3.Modularity
เป็นการแยกสลายสิ่งที่สลับซับซ้อนให้มีส่วนประกอบที่ง่ายในการจัดการได้
4.Hierarchy
ลำดับชั้นของการกำหนดกรอบให้แก่วัตถุ5.Class
คือแม่แบบ หรือ ต้นแบบอุปกรณ์ต่างๆ6.Object
คือ ส่วนเชื่อมต่อมาจาก class
**************************************************************************
ไวยากรณ์ภาษาจาวา
การประกาศ class
คลาสเปรียบเสมือนแม่พิมพ์ วัตถุเป็นผลิตผลที่เกิดจากแม่พิมพ์ ดังนั้น การที่จะสร้างวัตถุได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยแม่พิมพ์หรือคลาสนี้ สำหรับการประกาศคลาสเริ่มต้นด้วยคำหลัก Class ตามด้วยชื่อของClass กำหนดขอบเขตด้วย {} และจบด้วยเครื่องหมาย เซมิโคลอน (;)
รูปแบบคำสั่ง
การประกาศ attributes
Attributes คือคุณสมบัติต่างๆ ของ Object เช่น พิกัดของหุ่น สีของหุ่น จำนวนของที่อยู่ในหุ่น ขนาดเริ่มต้นของเมือง ฯลฯ
การประกาศ Attributes
การประกาศ methods
ใน object-oriented programming, method เป็นขั้นตอนของโปรแกรมซึ่งกำหนดเป็นส่วนของ class และรวมถึงอ๊อบเจคต่าง ๆ ของ class โดยที่ class สามารถมีเมธอดได้มากกว่าหนึ่ง method ในอ๊อบเจคสามารถได้รับการเข้าถึงข้อมูลที่รับรู้โดยอ๊อบเจค ซึ่งทำให้มั่นใจว่าข้อมูลเป็นเอกภาพ ในระหว่างกลุ่มของอ๊อบเจคในโปรแกรมประยุกต์ เมธอดสามารถนำมาใช้ใหม่ในหลายอ๊อบเจค
การประกาศ object
คือ วัตถุ สิ่งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม ที่มีอยู่จริงบนพื้นโลก (real-world)
-สิ่งที่มีลักษณะเป็นรูปธรรม (จับต้องได้) เช่น จักรยาน, รถ, สุนัข, องค์กร, ใบรายการสินค้า, เป็นต้น
-สิ่งที่มีลักษณะเป็นนามธรรม (จับต้องไม่ได้) เช่น ความเป็นเจ้าของ, ความคิด, ความรู้สึก เป็นต้น
-สิ่งที่มีลักษณะเป็นนามธรรม (จับต้องไม่ได้) เช่น ความเป็นเจ้าของ, ความคิด, ความรู้สึก เป็นต้น
การเรียกใช้ methods
การเรียกใช้ attributes
โครงสร้างและการควบคุม(Control Structure)
รูปแบบแนวคิดโครงสร้างการเขียนโปรแกรม
โครงสร้างการควบคุมแบบเรียงลำดับ ( Sequence Control Structure) โครงสร้างการควบคุมแบบนี้เป็นการเรียงลำดับของการประมวลผลที่แต่ละบล็อค ที่เรียงลำดับนั้นเป็นการประมวลผลของคอมพิวเตอร์
โครงสร้างแบบซ้ำ ( Iteration Control Structure)
เป็นโครงสร้างที่แสดงการทำงานตามเงื่อนไขแบบ While หรือ Do - While โครงสร้างแบบWhile ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงมันจะทำงานซ้ำอีกโดยย้อนกลับไปตรวจสอบเงื่อนไขใหม่ ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงมันก็จะทำงานใหม่อีก แต่ถ้าเป็นเท็จจะสิ้นสุดการทำงาน กรณีของโครงสร้างแบบ Do - While การทำงานจะทำอย่างน้อย 1 ครั้ง ตามเงื่อนไขที่กำหนดว่าเป็นจริงจะย้อนกลับไปทำงานใหม่ความสำคัญของการกำหนดโครงสร้างจะเห็นว่ามีทางเข้าทางเดียว และมีทางออกทางเดียวหมายความว่าโครงสร้างทั้ง 3 ชนิด จะมีทางเข้าทางเดียวและทางออกทางเดียว
ไวยกรณ์ Control Structure
Control Structure
1. กลุ่มคำ สั่ง Selection
1.1 คำ สั่ง if
เป็นคำ สั่งที่ใช้ในการตรวจสอบเงื่อนไขว่าเป็นจริงหรือเท็จ โดยถ้าเป็นจริงจะให้ทำ งานใด
และถ้าเป็นเท็จจะให้ทำ งานใด แบ่งออกเป็น 4 แบบ คือ แบบเงื่อนไขเดียว (Simple IF), แบบ 2
เงื่อนไข (IF..ELSE), แบบซ้อน (Nested IF) และ แบบลัด (shortcut if)
1.1.1 แบบเงื่อนไขเดียว (Simple IF)
มีรูปแบบดังนี้
if (เงื่อนไข)
{ คำ สั่งต่าง ๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ;}
. . .
ตัวอย่างที่ 1
if (radius >= 0)
{ area = radius * radius * PI;
System.out.println (“พื้นที่วงกลมคือ” + area);}
คำ อธิบาย
ถ้าค่ารัศมี (Radius) มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 0 (นั่นคือ ไม่เป็นค่าลบ) ให้คำ นวณหาพื้นที่
ของวงกลม โดยใช้สูตรแล้วแสดงผลลัพธ์ออกมาที่จอภาพ แต่ถ้าค่ารัศมีมีค่า < 0 ให้ไปทำ งานที่คำ
สั่งที่อยู่ต่อจาก } ของคำ สั่ง if
ตัวอย่างที่ 2
if (i >=0) && (i <=10))
System.out.println (“i เป็นตัวเลขที่อยู่ระหว่าง 0 ถึง 10”);
if (i >=0) && (i <=10))
System.out.println (“i เป็นตัวเลขที่อยู่ระหว่าง 0 ถึง 10”);
if (เงื่อนไข)
{ คำ สั่งต่าง ๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ;}
. . .
if (radius >= 0)
{ area = radius * radius * PI;
System.out.println (“พื้นที่วงกลมคือ” + area);}
if (i >=0) && (i <=10))
System.out.println (“i เป็นตัวเลขที่อยู่ระหว่าง 0 ถึง 10”);
บทที่ 7 Control Structure 60
คำ อธิบาย
ในกรณีนี้มีเพียงคำ สั่งเดียวที่ต้องการทำ กรณีที่เงื่อนไขเป็นจริง ดังนั้นจึงไม่จำ เป็นต้องใส่
เครื่องหมายวงเล็บปีกกาปิดและเปิดก็ได้
ตัวอย่างที่ 3
if (sex == “m” || sex == “M”)
return height – 100;
คำ อธิบาย
ถ้าเป็นเพศชาย (M หรือ m) ให้ส่งค่านํ้าหนักกลับไป โดยคำ นวณนํ้าหนักจากความสูง
(height) ลบด้วย 100
1.1.2 แบบมี 2 เงื่อนไข (if…else)
ใช้ในกรณีที่มี 2 เงื่อนไข คือ ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง ให้ทำ งานหนึ่ง ถ้าเป็นเท็จให้ทำ งานอีกงานหนึ่ง
รูปแบบ
if (เงื่อนไข)
{ คำ สั่งต่าง ๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นจริง ;}
else
{ คำ สั่งต่าง ๆ เมื่อเงื่อนไขเป็นเท็จ ;}













ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น